ไขข้อข้องใจ ทำไมแหวนทองเปลี่ยนสีได้!?
เวลาเดินเข้าร้านทองหรือเข้าร้านจิวเวลรีต่าง ๆ มักมีทองหลายชนิดจำหน่าย ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ทองขาว ทองคำขาว หรือกระทั่ง แพลทินัม แต่ซื้อมาแล้วเมื่อเวลาผ่านไป จู่ ๆ เครื่องประดับทองสวย ๆ กลับหมองลง เอ… หรือว่าแม่ค้ากำลังหลอกเราหรือไม่ ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจะช่วยให้ท่านได้รับเครื่องประดับและจิวเวลรีจากทองที่มีคุณภาพและไม่ถูกหลอกลวง
ตามร้านจิวเวลรีทั่วไป จะใช้โรเดียม (Rd) ในการชุบแหวนทองขาว white gold เพื่อให้ได้แหวนสีขาวบริสุทธิ์ ซึ่งถือเป็นมาตรฐานในการชุบเครื่องประดับทองขาวชนิด 14K และ 18K เมื่อเวลาผ่านไป โรเดียมที่เคลือบอยู่ทำปฏิกิริยาออกไซด์และเหงื่อทำให้เครื่องประดับหมองคล้ำลง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณภาพการชุบและความเข้มข้นของเหงื่อของผู้สวมใส่ด้วย
แต่ทองของ Calette Diamonds จะไม่เหลืองเมื่อเวลาผ่านไป เพราะไม่มีการชุบโรเดียม เราอาศัยขั้นตอนการผสมทองสำหรับขึ้นตัวเรือนด้วยพาลาเดียม (Pd) ที่ยังรักษาสีของทองไว้อย่างครบถ้วน จึงไม่ต้องกังวลว่าแหวนจะเปลี่ยนสีค่ะ ทั้งยังใช้ทองคำ 75% หรือ 18K ในการผลิตตัวเรือนเครื่องประดับ ช่วยยึดเกาะเพชรและอัญมณีต่าง ๆ ได้ดี
ทำความเข้าใจเรื่องทองกันสักนิด อันที่จริงแล้วส่วนผสมหลักของเครื่องประดับเหล่านี้คือ ทองคำ เป็นธาตุโลหะอยู่ในตารางธาตุอันดับที่ 79 ใช้สัญลักษณ์ว่า Au มีลักษณะสีเหลืองวาว อ่อนตัวมากจึงมีความแข็งแรงและความแข็งที่ต่ำมาก มักไม่ค่อยทำปฏิกิริยาเคมีกับใคร พูดง่าย ๆ ทองคำเป็นธาตุเฉื่อยนั่นเอง ในสมัยโบราณจัดว่าเป็นโลหะมีค่าและหายาก เทียบเท่า 6 ส่วนจากเปลือกโลก 1,000 ล้านส่วน ใช้ทำเครื่องประดับ เครื่องมือทางการแพทย์และอุตสาหกรรมต่าง ๆ รวมถึงเงินสำรองระหว่างประเทศ
แต่ด้วยคุณสมบัติของทองคำที่อ่อนตัวนุ่มนิ่มมาก จึงไม่อาจใช้ทองคำเพียงอย่างเดียวในการผลิตเครื่องประดับ ต้องผสมโลหะชนิดอื่นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวทองมากขึ้น จึงมีคำศัพท์ที่เรียกว่า ทองเค เพื่อจำแนกความบริสุทธิ์ของทองแต่ละชนิด
ทองเค มาจาก Karat หน่วยเรียกสัดส่วนความบริสุทธิ์ของทองคำในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่น ๆ ยิ่งตัวเลขหน้า K สูงเท่าไรแปลว่าส่วนผสมโลหะอื่นมีน้อยลงเท่านั้น โลหะอื่นที่ใช้ผสมทองมีชื่อเรียกว่า อัลลอย (Alloy) ได้แก่ เงิน (Ag) พาลาเดียม (Pd) แมกนีเซียม (Mg) นิกเกิล (Ni)
หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ของทอง สามารถจำแนกได้ตามตารางด้านล่างนี้
ท่านสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จากด้านในของเครื่องประดับ จะมีการระบุตัวเลขสัดส่วนทองคำเป็นเลข 3 หลัก ดังภาพ
สำหรับทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณตามร้านทองทั่วไปมักเป็นชนิด 96.5% กล่าวคือ มีทองคำในสัดส่วน 96.5% นอกนั้นเป็นโลหะชนิดอื่นที่ผสมเพื่อให้ทองสามารถคงตัวเป็นรูปร่างอยู่ได้
นอกจากทองคำที่ใช้ซื้อขาย หรือทำเครื่องประดับต่าง ๆ แล้ว ยังมีคำศัพท์ที่เกี่ยวกับทองอื่น ๆ อีก ได้แก่
ทองขาว / ทองคำขาว (White Gold VS Platinum)
ในภาษาไทย เรามักเรียก White Gold ว่า ทองขาว แต่ก็เรียก Platinum ว่า ทองคำขาว ช่างละม้ายคล้ายกันเสียเหลือเกิน แต่เมื่อเราเรียกชื่อทองเป็นภาษาอังกฤษระหว่าง White Gold กับ Platinum จะเข้าใจทันทีว่าเป็นโลหะคนละชนิดกัน
White Gold ก็คือ ทองคำที่ผสมโลหะจำพวกพาลาเดียม (Pd) นิกเกิล (Ni) ตั้งแต่ 10% ขึ้นไป เพื่อให้ทองออกมามีสีขาวแวววาว มีความคงทนแข็งแรงเหมาะแก่การผลิตเครื่องประดับฝังเพชรและพลอยต่าง ๆ หากต้องการให้ทองมีสีอื่น ๆ ด้วย อย่างเช่น Rose Gold หรือ Pink Gold คือ ทองคำ 18k ที่ผสมกับ ทองแดง (Cu) ในสัดส่วนที่มากกว่าปกติ และ สังกะสี (Zn) จนได้ทองสีออกชมพูนั่นเอง
ส่วน Platinum คือ โลหะอีกชนิดหนึ่งที่มีสีเงินเทาคล้าย White Gold ใช้สัญลักษณ์ Pt อยู่ในลำดับที่ 80 ของตารางธาตุ ถัดจากทองคำ (Au) แพลทินัมใช้ทำเครื่องประดับเหมือนกันเพราะมีความแข็งแรงทนทาน ทำลวดลายได้สวยงาม แต่ราคาของมันสูงกว่าทองคำมากเนื่องจากเป็นโลหะที่หายาก มีสัดส่วนราว 5 ใน 1 พันล้านส่วนของเปลือกโลก นอกจากนี้ แพลทินัมยังใช้ในงานวิศวกรรมและผลิตเครื่องมือทางการแพทย์อีกด้วย
หากคุณสนใจออกแบบแหวนสไตล์เฉพาะตัวในแบบของคุณ สามารถร่วมพูดคุยกับทีมงานได้ที่ อีเมล: info@calettediamonds.com หรือ Line: @CaletteDiamonds นะคะ